วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555



การจดบันทึกการประชุม 
    การทำงานในปัจจุบันจะต้องใช้การประชุมเพื่อปรึกษาหารือ  ขอทราบความคิดเห็น  ตัดสินปัญหา หรืออื่น ๆ และในระหว่างการประชุมจะต้องมีการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่อภิปรายในที่ประชุม  ซึ่งโดยทั่วไปเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเลขานุการ  หรือบางครั้งอาจมีการมอบหมายให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำหน้าที่ดังกล่าวก็ได้  การบันทึกการประชุมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับใช้ในการอ้างอิงหรือใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงานต่อไป  ด้วยเหตุนี้ผู้จดบันทึกการประชุมจึงควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการประชุมนั้น ๆ เป็นอย่างดี  มีประสบการณ์ในการจดบันทึก ตลอดจนสามารถจดจำผู้เข้าประชุมได้  เนื่องจากจะช่วยทำให้บันทึกการประชุมได้อย่างไม่ผิดพลาด  หากต้องมีการระบุว่าใครเป็นผู้เสนอเรื่องหรือเสนอความเห็นในที่ประชุม  นอกจากนั้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ  ผู้จดบันทึกการประชุมต้องมีสมาธิในการทำงานสูง  เพราะการประชุมมักดำเนินต่อเนื่องไปโดยตลอด  และบ่อยครั้งที่มีการถกเถียงหรืออภิปรายอย่างยืดยาว  กว่าที่จะสรุปเป็นมติได้ในที่สุด  จึงต้องอาศัยการติดตามอย่างตั้งใจ  หากผู้ทำหน้าที่จดบันทึกขาดสมาธิ  จะทำให้บันทึกข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนหรืออาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง  ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติงานได้
อย่างไรก็ดี  การจดบันทึกการประชุมเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาให้เกิดความชำนาญได้ หากเรียนรู้วิธีการและหมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

1.     สิ่งที่ต้องจัดเตรียมสำหรับการจดบันทึกการประชุม
ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการหรือขั้นตอนในการจดบันทึกการประชุม  สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรกก็คือ  การจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้หรือสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ที่ใช้ในการจดบันทึก ซึ่งมีดังต่อไปนี้
  1. สมุดโน้ตหรือกระดาษ  ซึ่งควรมีขนาดเดียวกันเพื่อความสะดวกในการใช้และจัดเก็บ  พร้อมปากกา 2 ด้าม ควรใช้ปากกาลูกลื่นมากกว่าดินสอ  เนื่องจากเขียนได้รวดเร็วกว่าและคงอยู่ได้นานไม่ลบเลือนง่าย
  2. สมุดบันทึกรายงานการประชุมหรือบัญชีรายชื่อสำหรับให้ผู้มาประชุมลงลายมือชื่อ
  3. สำเนาระเบียบวาระการประชุม
  4. รายชื่อสมาชิกหรือกรรมการ
  5. รายงานการประชุมครั้งที่แล้ว
  6. รายงานการประชุมครั้งที่ยังไม่ได้รับรอง
  7. เอกสารประกอบการประชุม
  8. เครื่องเล่นแถบบันทึกเสียง พร้อมแถบบันทึกเสียง ในกรณีที่มีการบันทึกเสียงการประชุม
อนึ่ง ผู้จดบันทึกการประชุม อาจจัดเตรียมแบบฟอร์มรายงานการประชุมไว้ล่วงหน้า โดยเขียนชื่อแต่ละวาระลงไปก่อน พร้อมกับเว้นที่ว่างไว้พอประมาณสำหรับการจดบันทึกการประชุม เพื่อให้การจดบันทึกเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องตัวขึ้น
ฉะนั้น เครื่องมือ เครื่องใช้ และเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ควรจัดเตรียมให้พร้อมก่อนการประชุม  เพื่อให้การประชุมตลอดจนการจดบันทึกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย  โดยไม่ต้องเสียเวลาจัดหาในระหว่างการประชุม

2.     วิธีปฏิบัติในการจดบันทึกการประชุม
การจดบันทึกในระหว่างดำเนินการประชุม อาจเลือกใช้ได้ 3 วิธี คือ
2.1จดละเอียดทุกคำพูดของกรรมการหรือผู้เข้าประชุมทุกคนพร้อมด้วยมติ  โดยทั่วไป  วิธีนี้มักใช้เฉพาะการประชุมในรัฐสภาพหรือการประชุมใหญ่ ๆ ที่จำเป็นต้องบันทึกไว้ให้ชัดเจนว่า  ใครพูดหรือเสนอความเห็นว่าอย่างไร  ไม่เป็นที่นิยมใช้เหมือนกับวิธีที่ 2  และ 2  โดยเฉพาะในงานธุรกิจ  เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก  อีกทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองแรงงาน ตลอดจนไม่สะดวกในการตรวจสอบ  อ้างถึง  และรับรองในที่ประชุม
2.2จดย่อคำพูดที่เป็นประเด็นสำคัญ  อันเป็นเหตุผลนำไปสู่มติของที่ประชุมพร้อมด้วยมติ
2.3จดเฉพาะเหตุผลกับมติของที่ประชุม

3.     ขั้นตอนการจดบันทึกการประชุม
การจดบันทึกการประชุมให้มีประสิทธิภาพ  ต้องอาศัยการเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนการประชุม  กล่าวคือ  ผู้ทำหน้าที่จดบันทึกการประชุม ควรศึกษารายงานการประชุมครั้งก่อน ๆ หรือรายงานการประชุมทำนองเดียวกัน เพื่อให้คุ้นเคยกับรูปแบบ  ตลอดจนเนื้อหาเรื่องราวที่ควรบันทึกไว้ในรายงานการประชุม  อีกทั้งควรตกลงเรื่องการให้สัญญาณกับประธานล่วงหน้า  เมื่อมีปัญหาในการจดบันทึก เช่น  อาจจำเป็นต้องให้ประธานกล่าวสรุปมิติซ้ำอีกครั้งหนึ่งหรือต้องการความชัดเจนในเรื่องที่อภิปราย  ในกรณีนี้เมื่อประธานสังเกตเห็นสัญญาณก็อาจกล่าวทบทวนข้อความสำคัญซ้ำอีกครั้งหนึ่ง  หรือขอให้ผู้เสนอความเห็นกล่าวสรุปอีกครั้ง  แต่ถ้าประธานไม่เห็นสัญญาณ ผู้จดบันทึกก็อาจหาโอกาสเรียนถามที่ประชุมด้วยตนเองหรือขอให้มีการทบทวนคำพูดที่กล่าวไปแล้วอีกครั้ง  แต่ควรระวังมิให้เป็นการขัดจังหวะการพูดของผู้เข้าประชุม อีกประการหนึ่ง คือ ควรเลือกที่นั่งใกล้ประธานในที่ประชุม เพื่อความสะดวกในการให้ความช่วยเหลือระหว่างประชุม
หลังจากประจำที่แล้ว  ผู้จดบันทึกการประชุมควรดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ (Jennings 1983 : 313-316)
  1. บันทึกชื่อของการประชุมหรือคณะที่ประชุมพร้อมทั้งวันที่และสถานที่ประชุมให้เรียบร้อย ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น  เช่น การประชุมคณะกรรมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย วันที่ 31 กรกฎาคม 2545 ณ ห้องประชุมชั้น 2
  2. ตรวจสอบรายชื่อสมาชิกหรือกรรมการที่เตรียมไว้อย่างรวดเร็ว  เพื่อดูว่าครบองค์ประชุมหรือไม่  การตรวจสอบจำนวนผู้เข้าประชุมนั้นเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมที่มีการออกเสียงลงคะแนน  ดังนั้น จะต้องบันทึกรายชื่อผู้ที่เข้าประชุมหลังจากที่มีการออกเสียงลงคะแนนไปแล้ว  หรือผู้ที่ออกจากที่ประชุมก่อนที่การออกเสียงลงคะแนนจะเสร็จสิ้น  เนื่องจากคะแนนเสียงทั้งหมดรวมกับผู้ที่ไม่ออกเสียง  จะต้องเท่ากับจำนวนผู้เข้าประชุมที่มีสิทธิออกเสียง  ด้วยเหตุนี้ ผู้จดบันทึกจะต้องถือว่าผู้ที่ออกจากที่ประชุมคือผู้ที่ไม่มีสิทธิออกเสียงมิใช่ผู้ที่ไม่ออกเสียง
  3. บันทึกเวลาเริ่มประชุมตามที่เป็นจริง ไม่ว่าจะตรงตามเวลานัดหมายหรือไม่ก็ตาม
  4. เมื่อมีการรับรองรายงานการประชุม ไม่ว่าจะด้วยการให้ที่ประชุมอ่านด้วยตนเอง หรือการอ่านให้ที่ประชุมฟัง ผู้จดบันทึกจะต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ  ในกรณีที่มีการแก้ไขเพียงเล็กน้อย ให้ลงมือแก้ไขในสำเนารายงานการประชุมที่มีอยู่  โดยใช้ปากกาขีดฆ่าข้อความที่ไม่ต้องการออก  และเขียนสิ่งที่ต้องการลงไป  ในขณะเดียวกันให้จดบันทึกในสมุดโน้ตด้วยว่า  มีการแก้ไขรายงานการประชุม แต่ถ้าต้องมีการแก้ไขมาก  ให้ขีดฆ่าข้อความที่ไม่ต้องการในรายงานการประชุมออกและเขียนข้อความที่แก้ใหม่ลงในสมุดจดบันทึก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าแก้ไขตรงที่ใดหรือหน้าใด
  5. ในระหว่างการประชุม ให้บันทึกเรื่องที่ผู้เข้าประชุมเสนอต่อที่ประชุม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอความคิดเห็นหรือการเสนอให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยละเอียด  พร้อมทั้งชื่อผู้เสนอ บางครั้งอาจบันทึกชื่อผู้รับรองแต่ละเรื่องด้วยก็ได้ และถ้ามีการออกเสียงลงคะแนน ควรจดจำนวนเสียงที่สนับสนุนและคัดค้านด้วย
  6. ถ้ามีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อความ ให้พยายามจดข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์  รวมทั้งคะแนนเสียงที่สนับสนุนและคัดค้าน  เมื่อประธานอ่านมติทบทวนอีกครั้ง ให้ตรวจสอบสิ่งที่จดบันทึกลงไปว่าถูกต้องตรงกันกับเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ ซึ่งประธานอ่านให้ฟังหรือไม่
  7. ในระหว่างการอภิปรายในที่ประชุม ให้จดเฉพาะประเด็นสำคัญ  โดยไม่จำเป็นต้องจดละเอียดทุกคำพูด   แต่ถ้าวาระนั้น ๆ มีการอภิปรายโต้แย้งกันอย่างกว้างขวาง ให้ใช้วิธีจดละเอียดทุกคำพูด ถึงแม้ว่าจะไม่ถ่ายทอดอย่างละเอียดในรายงานการประชุมก็ตาม
สิ่งที่สำคัญคือ ผู้จดบันทึกการประชุมต้องรู้จักเลือกสรรสิ่งที่จะบันทึก กล่าวคือ สามารถแยกแยะประเด็นสำคัญออกจากพลความได้  ซึ่งส่วนหนึ่งต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ผู้พูดกำลังพูดและตัวผู้พูด อันจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกจดบันทึกได้อย่างถูกต้องหลังจากที่มีการลงมติแล้ว  อาจมีการอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดในการดำเนินการ  การให้ข้อสังเกต  ผู้จดบันทึกจะต้องจดรายละเอียดที่มีผู้เสนอทั้งหมดโดยให้ทำเครื่องหมายหรือเขียนระบุไว้ที่ข้อเสนอแนะ  ซึ่งที่ประชุมลงมติเห็นชอบหรือขีดฆ่าข้อเสนอแนะที่ไม่ได้รับความเห็นชอบออก  และควรบันทึกชื่อของผู้เสนอความเห็นไว้ในกรณีที่มีข้อสงสัย จะได้สามารถซักถามหลังการประชุมได้ถ้ามีวาระการแต่งตั้งคณะกรรมการ ให้จดชื่อของคณะกรรมการ ชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของกรรมการ (ถ้ามี) ตลอดจนผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการด้วในกรณีที่มีการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงาน ให้บันทึกชื่อลงไปทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่เดิม และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาใหม่  พร้อมทั้งระบุหน่วยงานต้นสังกัดด้วยจดบันทึกอย่างมีระเบียบ เพื่อให้ข้อมูลต่าง ๆ เป็นที่เด่นชัด เช่น อาจเว้นบรรทัดระหว่างวาระ เพื่อให้สามารถเห็นความแตกต่างของแต่ละเรื่องได้  และเพื่อให้มีเนื้อที่สำหรับแก้ไขหรือเพิ่มเติมถ้อยคำต่าง ๆ ระบุชื่อวาระให้ชัดเจน ใส่วงเล็บข้อความที่จะต้องเขียนรายงานอย่างละเอียดทุกคำพูด  โดยใช้ปากกาสี หรือหาวิธีที่จะทำให้เรื่องที่จะต้องมีการนำไปปฏิบัติเห็นเด่นชัดที่สุด โดยอาจใช้ปากกาวงรอบข้อความนั้น ๆ หรือใช้ปากกาสีสะท้อนแสงขีดตรงข้อความที่ต้องการบันทึกกำหนดการประชุมครั้งต่อไป โดยระบุวัน เวลา และสถานที่จดเวลาเลิกประชุมตามที่เป็นจริงเมื่อเลิกประชุมแล้ว ให้สอบถามปัญหาข้อสงสัยที่เกิดจากการจดบันทึกการประชุม เช่น อาจตรวจสอบตำแหน่งของผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หรือสอบถามเกี่ยวกับชื่อสินค้า ศัพท์เทคนิคบางคำที่ไม่คุ้นเคย หรือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางประการที่จำเป็นต่อการจัดทำรายงานการประชุมในภายหลัง
การจดบันทึกการประชุมให้มีประสิทธิภาพควรใช้วิธีการจดบันทึกย่อหรือชวเลขด้วย  เพื่อช่วยให้จดบันทึกได้รวดเร็วขึ้น  แต่มีข้อควรระวังคือจะต้องแน่ใจว่าสามารถจำสิ่งที่ตนเองจดย่อไว้ได้ว่าหมายถึงอะไร
สิ่งที่ยากลำบากที่สุดประการหนึ่งสำหรับผู้จดบันทึกการประชุมก็คือ การพิจารณาว่าข้อมูลใดควรจดบันทึกและข้อมูลใดควรเว้น ซึ่งมักเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่เริ่มทำหน้าที่บันทึกการประชุม และยังขาดประสบการณ์  จึงทำให้การแยกแยะประเด็นสำคัญหรือเรื่องที่ควรบันทึกเป็นสิ่งที่ยากต่อการปฏิบัติ หนทางแก้ไขนั้นคงต้องอาศัยความพยายามในการเรียนรู้และประสบการณ์ในการจดบันทึกการประชุมในระยะแรกอาจขอความช่วยเหลือจากประธานในที่ประชุมหรือขวนขวายศึกษาหาความรู้ จากผู้มีประสบการณ์หรือจากตัวอย่างรายงานการประชุมที่มีลักษณะเดียวกัน และเมื่อต้องทำหน้าที่บันทึกการประชุมเป็นเวลานานพอสมควร ปัญหาดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หมดไป
4.     การบันทึกเสียงการประชุม
ในการประชุมที่ได้รับอนุญาตให้บันทึกเสียงได้  เลขานุการในที่ประชุมหรือผู้มีหน้าที่จดบันทึกการประชุมควรจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องบันทึกเสียง และจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการบันทึกเสียงให้พร้อม  เช่น เครื่องเล่นแถบบันทึกเสียง แถบบันทึกเสียง ซึ่งควรมีความยาวเพียงพอที่จะบันทึกการประชุมแต่ละครั้งไว้ได้ภายในม้วนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่า อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่น ไฟฟ้าอาจขัดข้อง เครื่องเล่นแถบบันทึกเสียงไม่ทำงาน  เป็นต้น ดังนั้น จึงควรจดบันทึกการประชุมไปด้วยในระหว่างที่มีการบันทึกเสียง
ในขณะที่การประชุมกำลังดำเนินการอยู่ ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่อาจบันทึกเสียงไว้ได้  เช่น บางครั้งประธานอาจมิได้เอ่ยชื่อผู้ที่เสนอความเห็น หรือทบทวนข้อความในเรื่องที่มีการออกเสียงลงคะแนน หรือในการเสนอความเห็น ผู้พูดอาจไม่ระบุวาระหรือหัวข้อที่ต้องการอภิปรายอย่างชัดเจน เนื่องจากทุกคนกำลังพิจารณาเอกสารประกอบการประชุมอยู่แล้วในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้จึงควรจดบันทึกการประชุมประกอบการบันทึกเสียงด้วยโดยอาจจะจดเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ซึ่งมักไม่ปรากฏในเทปบันทึกเสียง ดังนี้
๑.วัน เวลา และสถานที่ประชุม
๒.รายชื่อผู้เข้าประชุม 
๓.เวลาเริ่มประชุม
๔.หัวข้อหรือเลขหน้าที่มีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขรายงานกาประชุม
๕.ชื่อผู้กล่าวรายงาน เสนอเรื่อง หรือรับรอง พร้อมทั้งผลการออกเสียง
๖.เลขหน้าหรือย่อหน้าของเอกสารที่มีการอภิปรายพาดพิงถึง
๗.ข้อความโดยละเอียดแต่ละมิติ ในกรณีที่ประธานมิได้กล่าวทบทวน
๘.ชื่อผู้รับงานไปดำเนินการ๙.เวลาเลิกประชุม

ในกรณีที่ผู้อภิปรายมิได้แจ้งชื่อของตน ผู้บันทึกเสียงก็จะต้องพูดออกชื่อไว้ในเทปหรือจดชื่อผู้พูดและหมายเลขระยะไว้  เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นคำอภิปรายของใคร  และควรบันทึกหมายเลขระยะเทป เมื่อขึ้นเรื่องใหม่หรือประเด็นสำคัญไว้ด้วย  เพื่อให้สามารถตรวจสอบบันทึกแต่ละตอนได้โดยสะดวก  ทั้งนี้อาจบันทึกสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเห็นว่าจำเป็นสำหรับการจัดทำรายงานการประชุมในภายหลัง
อนึ่ง การบันทึกเสียงการประชุมที่มีจุดประสงค์เพื่อนำไปจัดพิมพ์เป็นเอกสารจำหน่าย จำเป็นที่จะต้องได้รับอนุญาตจากที่ประชุมหรือวิทยากรเสียก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดการฟ้องร้องในภายหลังได้ แต่ถ้าเป็นการบันทึฤฤ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น